การตั้งครรภ์ อาการคนท้องมีมากกว่าประจำเดือนไม่มาหรือคลื่นไส้ อาเจียน มาดูอาการคนท้องตั้งแต่สัปดาห์แรกถึง 1 เดือนที่บ่งบอกได้ว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ระยะแรก สตรีมีครรภ์ที่คาดว่าจะมีลูก อาจกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย โดยเฉพาะการตั้งครรภ์ครั้งแรก สาวๆอาจไม่รู้ว่าอาการของครรภ์แรกเป็นอย่างไร เกิดขึ้นเมื่อไหร่ และร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด
เนื่องจากเมื่อไข่ตก และปฏิสนธิแล้ว อาการทางร่างกายของบางคน อาจไม่ต่างจากเดิมมากนัก หรือดูอีกครั้งหลายเดือนผ่านไป หากคุณสงสัยว่า คุณกำลังตั้งครรภ์ เรามีอาการครรภ์แรกให้ตรวจ เพราะสัญญาณเตือนเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณว่า คุณกำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่ อาการเป็นอย่างไร มาดูกันอาการของการตั้งครรภ์ในช่วงสัปดาห์แรกยังไม่ชัดเจน
แต่ก็พอสังเกตได้ว่า เลือดล้างหน้าเด็ก หากคุณใส่ใจกับช่วงเวลาของคุณทุกเดือน คุณอาจเห็นสิ่งที่เรียกว่าเลือดล้างหน้าเด็ก จะพบหลังจากไข่ปฏิสนธิ 6 ถึง 12 วัน เป็นเลือดที่เกิดขึ้นเมื่อตัวอ่อนฝังตัวในมดลูก ทำให้คุณแม่มีเลือดออกเล็กน้อย บริเวณช่องคลอดประมาณ 1 ถึง 3 วัน แต่บางรายอาจมีเลือดออกน้อยมาก จนไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเลือดประจำเดือน
ประจำเดือนมาไม่ปกติเป็นหนึ่งในสัญญาณหลักของการตั้งครรภ์ การขาดประจำเดือนเกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายผลิตฮอร์โมน HCG ซึ่งจะหยุดการตกไข่ในระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่หลั่ง รักษาไข่ที่ปฏิสนธิแล้วซึ่งฝังตัวที่ผนังมดลูก ทำให้ประจำเดือนไม่มาระหว่างตั้งครรภ์ บางครั้งอาจเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน หรือมดลูก ดังนั้นจึงควรตรวจครรภ์อีกครั้ง เพื่อความแน่ใจ
มีตกขาวมากผิดปกติ ฮอร์โมนในร่างกาย ในระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลให้มีตกขาวออกมามากกว่าปกติ ลักษณะของตกขาวจะเป็นสีใสหรือสีขาวข้นคล้ายน้ำนม ไม่มีสีหรือกลิ่นไม่ต้องกังวล เหนื่อยและง่วงนอนบ่อย ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน และเอสโตรเจนจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นหลังการตั้งครรภ์ ทำให้ร่างกายทำงานหนักขึ้น และสูญเสียพลังงานได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้รู้สึกง่วงนอน อ่อนเพลียและเหนื่อยล้า อาการเหล่านี้ อาจปรากฏขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ 12 ของการตั้งครรภ์ แต่บางคนอาจพบได้เร็วถึง 1 สัปดาห์ ในการตั้งครรภ์
รู้สึกเมื่อยล้าปวดหลัง ปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยเฉพาะหลัง ซึ่งเป็นอาการที่เริ่มรู้สึกได้ทันทีภายใน 1 สัปดาห์หลังคลอด นั่นเป็นเพราะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้น ร่วมกับอาการอื่นๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำ ความดันโลหิตต่ำ และกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดร่วมด้วย เกิดได้จากหลายสาเหตุ ในช่วงเวลานี้คุณอาจรู้สึกไม่สบายใจ ปวดเมื่อยตามร่างกายจนรู้สึกไม่สบาย
ร่างกายบวม อาการทั่วไประหว่างตั้งครรภ์คือ มีน้ำหรือบวม ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดรับสารอาหารมากขึ้น สำหรับร่างกายและลูกน้อยของคุณ จะเริ่มบวมตั้งแต่แรกเกิด แต่บางคนบวมมากการตรวจเต้านม ในช่วง 1 ถึง 2 สัปดาห์แรกของ การตั้งครรภ์ คุณอาจพบการเปลี่ยนแปลงของเต้านมหรือเต้านม มีขนาดเพิ่มขึ้น เต้านมบวม ตึง เจ็บและไวต่อการสัมผัส
อาการเหล่านี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของการทำงานของฮอร์โมน ทำให้เต้านมต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม เป็นอยู่ประมาณ 2 ถึง 3 เดือน และจะหายไปเองอาการแพ้ท้องอาจเกิดขึ้นในช่วงกลางวันหรือกลางคืน ส่วนมากจะเกิดขึ้นในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 2 ถึง 8 สัปดาห์แรกหลังการปฏิสนธิ
มันมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างคุณ พยายามทำความคุ้นเคยกับลูกน้อยของคุณ หลายคนเข้าใจผิดว่าอาการแพ้ท้องคืออาการคลื่นไส้อาเจียน ไม่กินข้าวเลย ทุกคนมีอาการแพ้ท้องมากน้อยต่างกันไป อาการแพ้ท้องมักจะแย่ลงประมาณสัปดาห์ที่ 12 หรือสัปดาห์สุดท้ายของเดือนที่ 3 แต่จะลดลงประมาณเดือนที่ 4
อาการตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน ช่วงนี้หากคุณมีพฤติกรรมการกินแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นการอยากอาหารมากขึ้น รวมถึงความรู้สึกเบื่ออาหาร ฉันไม่ชอบอะไรที่เคยกินเป็นประจำ แต่อยากกินของเปรี้ยวๆ ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า คุณกำลังเริ่มตั้งครรภ์ปวดศีรษะ เว้นแต่ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ที่หมดแรงจะปวดศีรษะ
ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ และความเจ็บปวดนั้นไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ ดังนั้นควรลดสาเหตุของความเครียด และพยายามทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายมากขึ้น อาการคนท้อง 1 เดือน ประมาณ 4 ถึง 5 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ คุณจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในร่างกายของคุณ แต่อาการทั้งหมดที่กล่าวมาในตอนต้น อาจยังคงอยู่ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
อารมณ์เเปรปรวน ช่วงนี้คุณอาจจะเบื่อคนรัก หรือคนรอบข้างแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เกิดจากระดับฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่ที่เพิ่มสูงขึ้น จนส่งผลต่อสภาวะอารมณ์ และความรู้สึกของหญิงตั้งครรภ์ อาจมีอารมณ์แปรปรวนหรือไม่คงที่ เช่น เศร้า หดหู่ หงุดหงิด วิตกกังวล ตื่นเต้นหรือมีความสุข สิ่งนี้จะดีขึ้นหลังจากไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
จมูกที่บอบบาง เอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้นทำให้จมูกของว่า ที่คุณแม่มีความไวต่อกลิ่นต่างๆ มากขึ้น และไม่ชอบกลิ่นที่คุ้นเคยในทันที ของบางอย่างที่ไม่มีกลิ่นจริงๆ อาจมีกลิ่นเหมือนสบู่ น้ำหอมหรือดอกไม้ เพี้ยนแปลกลิ่นนิดหน่อย แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นค่ะเปลี่ยนรสชาติ นอกจากกลิ่นที่แตกต่างกันแล้วปุ่มรับรสยังเปลี่ยนไปอีกด้วย บางคนติดของเปรี้ยว บางคนติดของหวาน ดังนั้นจึงต้องกำหนดอาหาร คุณไม่สามารถเลือกรสชาติที่คุณชอบได้ และบางคนกินอะไรไม่อร่อย จนน้ำหนักลด ต้องปรับตัวหาอาหาร ให้ร่างกายไม่ขาดสารอาหาร
บทความที่น่าสนใจ : ริ้วรอย อธิบายและศึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการลดริ้วรอยของใบหน้า